ประวัติหลุยส์ มอนติ
ประวัติหลุยส์ มอนติ ความจริงแล้วเขาเป็นชาวอิตาลี ต้องย้อนกลับไปช่วงปลายศตวรรษที่ 19 ได้มีการอพยพที่ใหญ่ที่สุดในโลก ชาวยุโรปจำนวนมากเดินทางมาแสวงหาชีวิตใหม่ในดินแดนอเมริกาใต้ โดยคาดการณ์กันว่ามีจำนวนกว่า 3 ล้านคนเลยทีเดียว และ 1 ในนั้นก็คือครอบครัวของเขาเองที่เดินทางอพยพมายังประเทศอาร์เจนตินา ก่อนที่เขาจะถือกำเนิดขึ้นในปี 1901 ซึ่งถือว่าเป็นช่วงเวลาที่พอเหมาะพอเจาะเพราะตั้งแต่ยุค 30 จนถึงยุค 50 นับเป็นช่วงเวลารุ่งเรืองของฟุตบอลในอเมริกาใต้
ชื่อเต็ม : หลุยส์ เฟลิเป มอนติ
วันเกิด : ปี 1901
สถานที่เกิด : กรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา
ส่วนสูง : 170 เซนติเมตร
ตำแหน่ง : เซ็นเตอร์ฮาล์ฟ
สโมสรปัจจุบัน : –
ทีมชาติ : ทีมชาติอาร์เจนตินา
เขาเริ่มต้นการเป็นนักกีฬาฟุตบอลกับสโมสรบ้านเกิดอย่างฮูลาคานเมื่อปี 1921 และเขาก็ประสบความสำเร็จอย่างงดงามกับการเป็นนักกีฬาฟุตบอลอาชีพด้วยการพาทีมคว้าแชมป์ลีกได้สำเร็จในที่สุด ฤดูกาลต่อมาเขาจึงได้รับโอกาสใหม่กับสโมสรที่ใหญ่ขึ้นกว่าเดิมอย่างโบคา จูเนียร์ส แต่สโมสรดังกล่าวเต็มไปด้วยนักเตะมากฝีมือเต็มไปหมด ด้วยเหตุนี้เขาจึงไม่ได้รับโอกาสในการลงสนามเลยแม้แต่น้อย 3 เดือนต่อมาเขาจึงตัดสินใจย้ายไปอยู่กับสโมสรเมืองหลวงอย่างซาน ลอเรนโซ่แทน ใช้เวลาไม่นานเขาก็สามารถยึดตำแหน่งตัวจริงของทีมได้สำเร็จอย่างงดงาม ช่วยทีมคว้าแชมป์ได้ถึง 3 สมัยตลอดระยะเวลา 8 ปีที่รับใช้สโมสร
ถึงแม้ว่าเขาจะมีส่วนสูงที่ค่อนข้างต่ำเมื่อเทียบกับนักเตะในอเมริกาใต้ แต่เขาก็เป็นคนที่มีร่างกายกำยำแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก มันช่วยให้ขาวสร้างความได้เปรียบในสนามได้เป็นอย่างดีโดยเฉพาะในฐานะนักเตะกองหลังที่ต้องมีการเข้าปะทะอยู่บ่อยครั้ง สีเทาของเขาได้ไปเตะตากุนซือทีมชาติอาร์เจนตินาในช่วงเวลานั้น และเขาก็ได้รับโอกาสในการรับใช้ทีมชาติดีที่สุด ใช้เวลาเพียงแค่ 3 ปีเขาจะสามารถช่วยทิ้งคว้าแชมป์การแข่งขันโกปา อเมริกาได้สำเร็จและยังได้เหรียญเงินการแข่งขันฟุตบอลโอลิมปิกปี 1928 มาครองอีกต่างหาก
หลังจากประสบความสำเร็จอย่างงดงามกับทีมชาติอาร์เจนตินา เมื่อเข้าสู่การแข่งขันฟุตบอลโลกปี 1930 หลุยส์ มอนติก็ถูกเรียกไปรับใช้ชาติในทันที เขานั้นจัดเป็นคนสำคัญของทีมและได้รับการขนานนามว่าเป็นนักเตะกองหลังที่ยอดเยี่ยมที่สุดในอเมริกาใต้ การแข่งขันนัดแรกเขาช่วยทีมคว้าชัยชนะเหนือฝรั่งเศสได้สำเร็จได้อย่างไม่ยากเย็น หลังจากนั้นก็ถล่มคว้าชัยชนะเหนือเม็กซิโก ตอบด้วยการไล่อัดชิลี สุดท้ายก็ช่วยให้ทีมเข้าสู่รอบน็อคเอาท์ได้อย่างงดงาม คราวนี้อาร์เจนติน่า
ต้องพบกับสหรัฐอเมริกา และเขาก็มีชื่อทำคะแนนให้กับทีมตั้งแต่ 20 นาทีแรกของการแข่งขัน สุดท้ายทีมก็สามารถคว้าชัยชนะได้แบบขาดลอยในที่สุด ทำให้พวกเขาได้เข้าสู่การแข่งขันรอบชิงตามนัดพบกับทีมเจ้าภาพอย่างอุรุกวัย ปัญหาก็คือเจ้าตัวได้รับบาดเจ็บตั้งแต่ในรอบแบ่งกลุ่มแล้วและมีอาการแย่ลงในการแข่งขันรอบรองชนะเลิศ ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังคงมีชื่อในการแข่งขันแต่ฟอร์มกับตกต่ำลงอย่างเห็นได้ชัด ในภายหลังหลานสาวของเขาได้ออกมากล่าวว่าที่ปู่มีผลงานแย่ไม่ได้มาจากอาการบาดเจ็บ แต่เป็นเพราะถูกขู่ว่าครอบครัวจะเป็นอันตรายหากการแข่งขันในครั้งนี้อาร์เจนตินาคว้าแชมป์ได้สำเร็จ และนักเตะคนอื่นก็ถูกข่มขู่ในแบบเดียวกันด้วย
ในยุค 30 เป็นช่วงเวลาที่ในยุโรปเองก็ให้ความสำคัญกับการแข่งขันฟุตบอลเช่นเดียวกัน และเป็นช่วงเวลาเดียวกันที่ผู้นำเผด็จการอย่างเบนิโต มุโสลินีขึ้นนำประเทศ ด้วยเหตุนี้จึงได้มีการแบนนักเตะต่างชาติในอิตาลีและเรียกตัวนักเตะต่างชาติที่บรรพบุรุษเป็นชาวอิตาลีเข้ามารับใช้ชาติ หลุยส์ มอนติเป็นหนึ่งในนักเตะที่ต้องเดินทางกลับมายังอิตาลี เขาได้รับค่าเหนื่อยเป็นจำนวนกว่า 5,000 ดอลลาร์จากสโมสรยูเวนตุส แถมยังได้บ้านได้รถอีกต่างหาก ในการแข่งขันฟุตบอลโลกปี 1934 ที่เต็มไปด้วยดราม่า เป็นทีมชาติอิตาลีที่สามารถคว้าชัยชนะได้สำเร็จท่ามกลางข้อกังขามากมาย แต่ก็ต้องยอมรับเช่นเดียวกันว่าเจ้าตัวก็เป็นฟันเฟืองสำคัญที่ช่วยทีมสามารถคว้าชัยชนะได้สำเร็จ
แต่ปัญหาก็คือก่อนการแข่งขันนัดชิงชนะเลิศมีการส่งโทรเลขมายังโรงแรมของนักกีฬาทีมชาติอิตาลี กุนซือเป็นคนนำเอาข้อความดังกล่าวมาบอกกับลูกทีมว่าจะชนะหรือตายดีสุภาพบุรุษ หากเช็กคว้าชัยชนะเราจะถูกลงโทษ มันคืออย่างแรกของทั้งหมด หากพวกเขาอยากชนะอิตาลีจะต้องตีคืน คู่แข่งต้องแพ้ ขอให้โชคดีในวันพรุ่งนี้ ชนะหรือไม่ก็พังพินาศไปเลย คุณเป็นผู้รับผิดชอบในความสำเร็จ หากล้มเหลวพระเจ้าอาจเป็นคนเดียวที่ช่วยได้ มันเป็นการที่เขาถูกขู่ฆ่าครั้งที่ 2 และเป็นโชคดีที่อิตาลีสามารถคว้าชัยชนะได้สำเร็จจึงนำให้เขารอดพ้นมาได้
ติดตามข่าวเพิ่มเติม : ประวัตินักฟุตบอล
ติดตาม Facebook fanpage :: Footballdaily365
