Footballdaily365
แทงบอล

สนามฟุตบอลอลิอันซ์ อารีน่า สนามเหย้าสีแดงแรงฤทธิ์ของเสือใต้บาเยิร์น มิวนิค

สนามฟุตบอลอลิอันซ์ อารีน่า สนามเหย้าสีแดงแรงฤทธิ์ของเสือใต้บาเยิร์น มิวนิค

สนามฟุตบอลอลิอันซ์ อารีน่า สนามเหย้าสีแดงแรงฤทธิ์ของเสือใต้บาเยิร์น มิวนิค เป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อแต่ก็น่ายกย่องเช่นเดียวกันสำหรับประเทศเยอรมันที่ไม่มีใครคาดคิดว่าพวกเขาจะสามารถฟื้นตัวหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ได้อย่างรวดเร็วและกลายมาเป็นประเทศที่พัฒนาแล้วในทุกๆ ด้านไม่เว้นแม้กระทั่งในด้านการแข่งขันกีฬา บุนเดสลีกา เยอรมันนั้นเป็นลีกฟุตบอลในประเทศที่มีหลายคนชื่นชอบและมีสโมสรชื่อดังมากมาย โดยเฉพาะบาเยิร์น มิวนิคที่พูดชื่อไปแล้วไม่มีใครไม่รู้จักอย่างแน่นอน ลีลาการเล่นที่ยอดเยี่ยมพร้อมกับความร้อนแรงของพวกเขานั้นสามารถคว้าใจบรรดาแฟนบอลทั่วทั้งโลกได้อย่างอยู่หมัด แต่ไม่ได้มีเพียงแค่นักเตะหรือแม้แต่กุนซือเท่านั้นที่ร้อนแรง สนามของพวกเขาเองก็ร้อนแรงไม่แพ้กัน 

สนามฟุตบอลอลิอันซ์ อารีน่าเป็นชื่อของรังเหย้าสีแดงแรงฤทธิ์ที่เห็นมาแต่ไกลไม่เว้นแม้กระทั่งตอนอยู่บนเครื่องบิน
ประวัติสนามฟุตบอล

ของสโมสรเสือใต้อย่างบาเยิร์น มิวนิค สนามแห่งนี้อาจจะไม่ได้มีมนต์ขลังหรือน่าเกรงขามแต่สิ่งที่สะดุดตามากที่สุดก็คือสถาปัตยกรรมและการออกแบบที่ทำออกมาได้อย่างสวยงามเป็นอย่างมาก หากเทียบกับสนามของสโมสรระดับประเทศทั่วทั้งยุโรปแล้วเชื่อว่าสนามแห่งนี้จะต้องติด 1 ใน 10 ของอันดับสนามที่สวยที่สุดอย่างแน่นอน 

นั่นก็เป็นเพราะว่าสนามแห่งนี้ได้รับการออกแบบมาในลักษณะทรงสี่เหลี่ยมโค้งมน วัสดุที่ใช้ปูบริเวณภายนอกอาคารนั้นเป็นสีแดงแรงฤทธิ์ที่เมื่อเปิดไฟในยามค่ำคืนแล้วจะโดดเด่นเป็นอย่างมาก ตรงกลางมีป้ายชื่อของบริษัทประกันชั้นนำระดับโลกอย่างอลิอันซ์ผู้เป็นสปอนเซอร์ วันนี้เราจะพาทุกคนมาทำความรู้จักกับสนามแห่งนี้ให้มากขึ้นกันว่ามันมีประวัติความเป็นมาอย่างไรและมีดีมากกว่าความสวยงามภายนอกมากแค่ไหนกัน 

ประวัติความเป็นมาของสนามฟุตบอลสีแดงแรงฤทธิ์สนามฟุตบอลอลิอันซ์ อารีน่า

แรกเริ่มเดิมทีสนามฟุตบอลอลิอันซ์ อารีน่าไม่ได้เป็นสนามที่ได้รับการก่อสร้างขึ้นมาเพื่อเป็นรังเหย้าของสโมสรบาเยิร์น มิวนิคแต่อย่างใดและไม่ได้มีชื่อนี้มาตั้งแต่ต้นอีกด้วย สนามดังกล่าวนั้นมีชื่อเดิมว่าสนามฟุตบอล World Cup Stadium Munich ที่ตั้งอยู่บริเวณที่เหลือของเมืองมิวนิคซึ่งเป็นเมืองหลวงในประเทศเยอรมัน เริ่มการก่อสร้างในช่วงเดือนตุลาคมปี 2012 ที่ผ่านมา

ประวัติสนามฟุตบอล

ความสวยงามของสนามแห่งนี้ต้องยกความดีความชอบชอบให้กับอารัปสปอร์ต ผู้รับผิดชอบการออกแบบทั้งโครงสร้างภายนอกและภายในสนาม เนื่องจากเป็นบริษัทที่มีความเชี่ยวชาญในด้านโครงสร้างทางวิศวกรรมเป็นอย่างมากในอังกฤษบริษัทนี้จึงมีชื่อในด้านการสร้างสนามฟุตบอลไม่แพ้ใคร และนั่นก็ทำให้มูลค่าการก่อสร้างสนามแห่งนี้มีงบประมาณสูงกว่า 340 ล้านยูโรเลยทีเดียว 

ใช้ระยะเวลาการสร้างอยู่ประมาณ 2 ปีช่วงเดือนพฤษภาคมปี 2005 ก็ได้มีการเปิดให้บริการสนามดังกล่าวอย่างเป็นทางการ เริ่มต้นด้วยการแข่งขันฟุตบอลนัดอุ่นเครื่องพบที่ค่อนข้างแปลกประหลาดไม่น้อยเพราะเป็นการพบกันระหว่างสโมสรบาเยิร์น มิวนิคกับทีมชาติเยอรมัน 

นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาสโมสรบาเยิร์น มิวนิคก็ได้ตกลงเช่าสนามดังกล่าวเป็นรังเหย้าของตนเองร่วมกับทาง 1860 มิวนิคมาโดยตลอด จนกระทั่งในปี 2017 ที่ผ่านมา 186 ก็ได้ตัดสินใจยุติการเช่าสนามร่วมกับบาเยิร์น มิวนิคหลังจากที่ใช้งานมาเป็นระยะเวลากว่า 12 ฤดูกาล และได้มีการเปลี่ยนชื่อสนามให้เป็นไปตามชื่อของบริษัทผู้ให้การสนับสนุนสโมสรมาโดยตลอด 

นอกจากนี้ในปี 2006 สนามดังกล่าวยังถูกใช้ในการแข่งขันฟุตบอลโลกอีกด้วย ปัจจุบันนี้สโมสรดังกล่าวได้กลายมาเป็นสนามเหย้าของสโมสรเสือใต้แต่เพียงผู้เดียวเป็นที่เรียบร้อยแล้วภายใต้การดูแลของอลิอันซ์ อารีนา มึนเซน สตาดีออนซึ่งเป็นผู้สนับสนุนหลักของสโมสร โดยสามารถจุผู้เข้ารับชมการแข่งขันได้สูงสุดมากกว่า 7.5 หมื่นคน 

ประวัติสนามฟุตบอล

สนามฟุตบอลอลิอันซ์ อารีน่าความสวยงามที่กลายมาเป็นความภาคภูมิใจของทีมเสือใต้ 

ไม่ว่าใครก็ตามที่เดินทางมาเยือนสนามฟุตบอลอลิอันซ์ อารีน่าของสโมสรบาเยิร์น มิวนิคย่อมประทับใจกับความสวยงามของสนามแห่งนี้อย่างแน่นอน และมันก็กลายมาเป็นความภาคภูมิใจให้กับสโมสรยักษ์ใหญ่ในวงการฟุตบอลเยอรมัน เพราะมันสามารถเรียกได้ว่าเป็นสนามฟุตบอลเยอรมันที่ยิ่งใหญ่และสวยงามมากที่สุดอีกแห่งหนึ่งเลยทีเดียว

สาเหตุเกิดจากการที่มีการออกแบบที่แตกต่างจากสนามฟุตบอลแห่งอื่นจนแฟนบอลท้องถิ่นเรียกสนามนี้ด้วยชื่อเล่นว่าสนามเรือยางที่คล้ายกับรูปทรงของสนามนั่นเอง วัสดุโดยรอบของสนามประกอบอยู่บริเวณส่วนนอกอาคารนั้นทำมาจากโพลิเมอร์ ETFE Foil ซึ่งเป็นวัสดุเดียวกันกับที่ทางองค์กรนาซ่าได้ใช้ในการสร้างยานอวกาศ มันจึงมีน้ำหนักเบาและมีคุณสมบัติในการโปร่งแสง แต่ก็สามารถป้องกันแสงแดดจากภายนอกได้เป็นอย่างดี ไม่เพียงเท่านั้นยังแข็งแรงทนทานจนสามารถทนต่อรอยขีดข่วนได้อย่างยอดเยี่ยมอีกด้วย

และด้วยความโปร่งแสงของวัสดุโดยรอบอาคารสนามแห่งนี้จึงสามารถเปลี่ยนได้ถึง 3 สีเลยทีเดียวไม่ว่าจะเป็นสีแดง สีน้ำเงิน และสีขาว ซึ่งทั้ง 3 สีดังกล่าวนั้นเป็นสีประจำสโมสร แต่ละสีนั้นจะมีการปรับเปลี่ยนไปตามการแข่งขันได้แต่ละนัดขึ้นอยู่กับว่าแข่งขันกับสโมสรไหนและรายการใด ซึ่งสีเหล่านี้จะมาจากหลอดไฟที่ส่องไปยังแผ่นฟรอยที่ถูกติดเอาไว้ นั่นทำให้ต้องใช้ไฟเป็นจำนวนมากแต่สโมสรแห่งนี้กลับคิดค่าไฟได้เพียงแค่ 2,000 บาทต่อเกมเท่านั้นเนื่องจากมีนวัตกรรมไฟฟ้าที่ทันสมัยแถมยังเป็นพลังงานสะอาดสมกับเป็นประเทศรักษ์โลกอย่างเยอรมันอีกด้วย 


ติดตามข่าวกีฬา ::  สาระน่ารู้เกี่ยวกับฟุตบอล

Facebook Fanpage ::  footballdairy365

error: Content is protected !!